ราคาทองคําวานนี้ ปิดทะยานขึ้น 36.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงตํ่ากว่า 2% จากการที่นักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก หลังดัชนี PMI ภาคการผลิตในฝั่งยุโรปอ่อนแอเกินคาด นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าสหรัฐขู่จะเพิ่มภาษีสินค้านําเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) ยิ่งซํ้าเติมความวิตกดังกล่าว ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ร่วงลงกดดันดอลลาร์จนกระตุ้นแรงซื้อทองคํา ทําให้ราคาทองคําทะยานขึ้นถึง +2.6% วานนี้ ขณะที่เช้าวันนี้ ราคาทองคําทะยานขึ้นต่อ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตว่าจะเสนอชื่อ Christopher Waller และ Judy Shelton เข้าเป็นคณะผู้ว่าการเฟด (Board of Governors) ซึ่งทั้ง 2 มีแนวคิดสนับสนุนการดําเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ขณะที่ Judy Shelton เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าเธอได้รับการแต่งตั้งเธอจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 0% ใน 1-2 ปี ” ทั้งนี้ ความพยายามของทรัมป์ แสดงให้เห็นว่าเขาพยายามผลักดัน ZIRP หรือ Zero interest-rate policy ซึ่งถือเป็นสภาพแวดล้อมที่ส่งผลบวกต่อราคาทองคํา ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคําลง -1.76 ตันสําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP, จํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และ ดัชนี PMI ภาคการบริการ ที่มา ylgbullion.co.th
ป้ายกำกับ: ทองคำแท่ง
ข่าวราคาทองคำ 11 มีนาคม 2562 (ภาคบ่าย)
ราคาทองคําช่วงเช้าวันนี้ทรงตัวใกล้ระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่ขึ้นไปทดสอบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รับแรงหนุนหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาค การเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐออกมาแย่เกินคาด ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยข้อมูลในวันศุ กร์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรกของปีนี้จะขยายตัว 0.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคําขยับขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนเริ่มเปลี่ยนความสนใจมาที่ประเดนการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาเพียงไม่กี่วัน ก่อนถึงกําหนด Brexit ในวันที่ 29 มี.ค. แนะนําจับตาการลงมติในรัฐสภาอังกฤษต่อข้อตกลงเบร็กซิกของนายกฯเทเรซา เมย์ (Parliament Brexit Vote) ในวันที่ 12 มี.ค.ตามเวลาอังกฤษ ซึ่งหากร่างข้อตกลงถูกคว่ำในสภาอีกครั้งจะทำให้นางเมย์พบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่และคาดกันว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติจะผลักดันให้เลื่อนเวลาการเบร็กซิทออกไป หรืออาจเกิดการแยกตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง (Brexit with no deal) ความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจกระทบให้ตลาดแกว่งตัวผันผวนได้ ด้านปัจจัย หากราคาทองคําปรับตัวลงมาพอเข้าใกล้โซนแนวรับ 1,284 ดอลลาร์ต่อออนซ์อาจมีแรงดีดกลับสั้น เบื้องต้นอาจต้องระวังแรงขายกลับลงมาอีกครั้งหากราคาทองยังไม่มีแรงซื้อมากพอหรือมีปัจจยใหม่มาดันราคาขึ้น โดยประเมินแนวต้านที่ 1,309-1,312 ดอลลาร์ต่อออนซ์แนะนํากลยุทธ์การลงทุน รอจงหวะการเข้าซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,284 ดอลลาร์ต่อออนซ์และตัดขาดทุนหากหลุด 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมา และสําหรับนักลงทุนที่ถือทองคําอยู่แนะนําทยอยแบงขายทำกําไรตั้งแต่ ราคา 1,309-1,312 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป ที่มา ylgbullion.co.th
บทวิเคราะห์ราคาทอง ภาคเช้า 20 พฤศจิกายน 2561
ราคาทอง วานนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคํายังคงได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์จากแนวโน้มการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่อาจเผชิญกับความไม่แน่นอนจากความเสี่้ยงเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดัน เพิ่มจากการเปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของ NAHB ที่ร่วงลง 8 จุด สู่ระดับ 60 ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับตํ่าสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2016 ประกอบกับตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงแรงโดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 395.78 จุดหรือ -1.56%, S&P500 ร่วงลง 1.66% และ Nasdaq ร่วงลง -3.03% นําโดยหุ้นแอปเปิลและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดิ่งลงอย่างหนัก
อีกทั้งสินทรัพย์เสี่ยงยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากความวิตกเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังนายไมค์ เพนซ์ รอง ประธานาธิบดีสหรัฐยืนยันว่า สหรัฐจะไม่เปลียนแปลงมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านําเข้าจากจีน ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการร่วงลงของสินทรัพย์เสี่ยง เป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคํายังคงเคลื่อนไหวไม่ไกลจากระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ด้านกองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคํา +1.18 ตัน สําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างและตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐ
>> เช็คราคาทอง