เชฟอ้อย ยุวดี ชัยศิริพาณิชย์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของหญิงแกร่งที่สู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก หญิงสาวจากพิษณุโลกคนนี้เติบโตมาในครอบครัวคนจีนและหลงใหลในการทำอาหารตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เธอตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาทำงานหาเงินเรียนเอง โดยเริ่มจากการทำงานรับจ้างสารพัด
ด้วยความมุ่งมั่นและความสามารถ เชฟอ้อยเรียนจบปริญญาโทด้านโภชนาการ และมีโอกาสทำงานในโรงแรมหรูและสถานทูตไทยในอเมริกา ก่อนจะโด่งดังจากรายการทำอาหารชื่อดังอย่าง Top Chef Thailand ด้วยฝีมือการทำอาหารและบุคลิกที่โดดเด่น
จากเชฟชื่อดังสู่เจ้าของธุรกิจ
หลังจากสร้างชื่อเสียงในวงการอาหาร เชฟอ้อยได้เปิดร้านอาหารของตัวเองและขยายธุรกิจไปสู่การขายลูกชิ้นทำเองและก๋วยเตี๋ยวสูตรเด็ด ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้า จนตัดสินใจเปิดแฟรนไชส์ให้คนอื่นนำไปทำธุรกิจต่อ
ดราม่าแฟรนไชส์ลูกชิ้น
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจแฟรนไชส์ของเชฟอ้อยกลับเกิดปัญหาขึ้น เมื่อผู้ซื้อแฟรนไชส์บางรายออกมาโพสต์ว่าถูกเอารัดเอาเปรียบ เช่น การส่งอุปกรณ์ล่าช้า การกำหนดราคาขายที่ไม่เป็นธรรม และปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถทำกำไรได้ตามที่คาดหวัง
เชฟอ้อยได้ออกมาชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดียว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากความล่าช้าในการส่งอุปกรณ์ และการที่ผู้ซื้อบางรายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อแฟรนไชส์หลายรายยังคงไม่พอใจและมองว่าเชฟอ้อยไม่ได้รับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
เรื่องราวของเชฟอ้อยสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของธุรกิจแฟรนไชส์ และความสำคัญของการมีสัญญาที่ชัดเจน รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ให้แฟรนไชส์และผู้รับแฟรนไชส์