ไฟฉุกเฉิน ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น โดยทั่วไปแล้ว ไฟฉุกเฉินจะใช้ในกรณีต่อไปนี้
- รถเสียไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
- รถเกิดอุบัติเหตุ
- ขับรถผ่านพื้นที่ที่มีทัศนวิสัยไม่ดี เช่น ฝนตกหนัก หมอกลงจัด
- ขับรถผ่านทางแยกหรือจุดที่รถสัญจรคับคั่ง
- ขับรถผ่านพื้นที่ก่อสร้าง
ไฟฉุกเฉินจะทำหน้าที่เป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนคันอื่น ๆ ทราบว่ารถของคุณกำลังอยู่ในภาวะฉุกเฉิน เพื่อที่พวกเขาจะได้ระมัดระวังและชะลอความเร็วลง เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
ในบางกรณี ไฟฉุกเฉินอาจใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาวะฉุกเฉิน เช่น
- ใช้ในรถบรรทุกหรือรถโดยสารสาธารณะ เพื่อแจ้งให้ผู้โดยสารทราบว่ารถกำลังจอดหรือหยุด
- ใช้ในรถพยาบาลหรือรถดับเพลิง เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้ถนนคันอื่น ๆ ทราบว่ารถกำลังปฏิบัติหน้าที่ฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม การใช้ไฟฉุกเฉินโดยไม่จำเป็นอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น
- ทำให้เกิดความสับสนและทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนคันอื่น ๆ เบี่ยงเบนความสนใจ
- ทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนหากรถคันหลังเบรกกะทันหัน
ดังนั้น ควรใช้ไฟฉุกเฉินเฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน
สำหรับไฟฉุกเฉินในอาคารสาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล เป็นต้น ไฟฉุกเฉินจะทำหน้าที่เป็นแสงสว่างสำรองในกรณีที่ไฟฟ้าดับ ช่วยให้ผู้ที่อยู่ในอาคารสามารถมองเห็นและอพยพออกจากอาคารได้อย่างปลอดภัย ไฟฉุกเฉินในอาคารสาธารณะจะต้องได้รับการตรวจสอบและทดสอบเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าใช้งานได้ตามปกติ
สรุปได้ว่า ไฟฉุกเฉินควรใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน