การเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนเริ่มต้นการประชุมในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ เพื่อพยายามยุติสงครามการค้า ขณะที่จีนรอคอยจุดยืนของสหรัฐในประเด็น Huawei ซึ่งยังคงการขาดความชัดเจนเกี่ยวกับสินค้าที่บริษัทสหรัฐสามารถจําหน่ายแก่ Huawei ตราบเท่าที่อยู่บนรายการ “entity list”ขณะที่ปธน.ทรัมป์ เชื่อว่า จีนอาจไม่ทําข้อตกลงจนกระทั่งการเลือกตั้งปี 2020 ตลาดจึงคาดการณ์ว่า มีโอกาสไม่มากที่การเจรจาครั้งนี้ จะคืบหน้านอกจากนี้ ประเด็นสงครามการค้ายังคงขยายวงกว้างไปยังประเทศอื่นๆ เมื่อนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐระบุว่า เวียดนามต้องดําเนินการลดยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐ ในขณะที่คณะบริหารภายใต้การนําของปธน.ทรัมป์ เพิ่มแรงกดดันต่อเวียดนาม แนวโน้มสงครามการที่ยืดเยื้อสร้างแรงซื้อทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งนักลงทุนยังรอติดตามความชัดเจนการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อชี้ นําราคาทองคําเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในระยะสั้นหากราคาทองคําดีดตัวขึ้นแต่ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซน 1,430-1,439 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่มีทองคําในมืออาจขายออกมาเพื่อทํากําไร แต่หากสามารถผ่านไปได้ให้รอไปขายบริเวณแนวต้านถัดไป ทั้งนี้ หากไม่สามารถผ่านแนวต้านไปได้อาจเห็นการย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับ แนะนําให้รอจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,411-1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดีนักลงทุนควรตัดขาดทุนหาก หลุด 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่มา ylgbullion.co.th
หมวดหมู่: ราคาทอง
ข่าวราคาทองคำ 3 กรกฎาคม 2562 (ภาคเช้า)
ราคาทองคําวานนี้ ปิดทะยานขึ้น 36.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงตํ่ากว่า 2% จากการที่นักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก หลังดัชนี PMI ภาคการผลิตในฝั่งยุโรปอ่อนแอเกินคาด นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าสหรัฐขู่จะเพิ่มภาษีสินค้านําเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) ยิ่งซํ้าเติมความวิตกดังกล่าว ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ร่วงลงกดดันดอลลาร์จนกระตุ้นแรงซื้อทองคํา ทําให้ราคาทองคําทะยานขึ้นถึง +2.6% วานนี้ ขณะที่เช้าวันนี้ ราคาทองคําทะยานขึ้นต่อ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตว่าจะเสนอชื่อ Christopher Waller และ Judy Shelton เข้าเป็นคณะผู้ว่าการเฟด (Board of Governors) ซึ่งทั้ง 2 มีแนวคิดสนับสนุนการดําเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ขณะที่ Judy Shelton เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าเธอได้รับการแต่งตั้งเธอจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 0% ใน 1-2 ปี ” ทั้งนี้ ความพยายามของทรัมป์ แสดงให้เห็นว่าเขาพยายามผลักดัน ZIRP หรือ Zero interest-rate policy ซึ่งถือเป็นสภาพแวดล้อมที่ส่งผลบวกต่อราคาทองคํา ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคําลง -1.76 ตันสําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP, จํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และ ดัชนี PMI ภาคการบริการ ที่มา ylgbullion.co.th
บทวิเคราะห์ราคาทอง ภาคเช้า 01 กุมภาพันธ์ 2562
ราคาทองคําวานนี้ปิดทรงตัว โดยในระหว่างวันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนบริเวณ 1,326.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุในการประชุมครั้งล่าสุดว่าจะใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป พร้อมกับระบุถึงความพร้อมที่จะพิจารณาใหม่ เกี่ยวกับการปรับลดงบดุลของเฟดหากจําเป็น ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดใกล้จะยุติวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินรอบปัจจุบัน นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มหลังจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนี PMI เขตชิคาโก ออกมาอ่อนแอเกินคาดอีกด้วย ส่งผลให้ดอลลาร์ร่วงลงต่อในระหว่างวันจนหนุน ราคาทองคํา ก่อนที่ราคาทองคําจะอ่อนตัวลงจากแรงขายทํากําไร ประกอบกับดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากการอ่อนค่าของสกุลเงินยูโร หลังนายเจนส์ ไวด์มานน์ ประธาน ธนาคารกลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์) และสมาชิกสภาบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) แสดงความเห็นถึงภาพรวมเศรษฐกิจเยอรมนีที่ซบเซา ขณะที่เงินเฟ้อของยูโร โซนอาจตํ่ากว่าคาดในปีนี้ และระบุอีกว่า ECB ไม่ควรเสียเวลาโดยไม่จําเป็นในการปรับนโยบายการเงินให้เป็นปกติ สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน นอกภาคเกษตร,อัตราการว่างงานและรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงาน รวมถึงติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
>> เช็คราคาทอง
บทวิเคราะห์ราคาทอง ภาคเช้า 20 พฤศจิกายน 2561
ราคาทอง วานนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคํายังคงได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์จากแนวโน้มการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่อาจเผชิญกับความไม่แน่นอนจากความเสี่้ยงเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดัน เพิ่มจากการเปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของ NAHB ที่ร่วงลง 8 จุด สู่ระดับ 60 ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับตํ่าสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2016 ประกอบกับตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงแรงโดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 395.78 จุดหรือ -1.56%, S&P500 ร่วงลง 1.66% และ Nasdaq ร่วงลง -3.03% นําโดยหุ้นแอปเปิลและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดิ่งลงอย่างหนัก
อีกทั้งสินทรัพย์เสี่ยงยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากความวิตกเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังนายไมค์ เพนซ์ รอง ประธานาธิบดีสหรัฐยืนยันว่า สหรัฐจะไม่เปลียนแปลงมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านําเข้าจากจีน ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการร่วงลงของสินทรัพย์เสี่ยง เป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคํายังคงเคลื่อนไหวไม่ไกลจากระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ด้านกองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคํา +1.18 ตัน สําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างและตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐ
>> เช็คราคาทอง
บทวิเคราะห์ราคาทอง ภาคค่ำ 06/11/61
ราคาทอง การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐจะเป็นบททดสอบครั้งแรกต่อนโยบายการลดภาษีครั้งใหญ่และนโยบายการค้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ โดยผลสํารวจแสดงให้เห็นโอกาสที่ พรรคเดโมแครตอาจได้ควบคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ และคาดการณ์ว่า พรรคริพับลิกันของปธน.ทรัมป์ แห่งสหรัฐมีแนวโน้มครองวุฒิสภาตามเดิม หากเป็นอย่างผลโพลล์จะทําให้ ปธน.ทรัมป์ สูญเสียคะแนนนิยม และมีอํานาจน้อยลง ซึ่งจะเป็ นบวกต่อราคาทองคํา
อย่างไรก็บรรยากาศการซื้อขายเบาบางและราคาทองคําแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนชะลอ การลงทุนเพื่อติดตามผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ซึ่่งจะทราบผลในวันที่ 7 พ.ย.ตามเวลาไทย แนะนํานักลงทุนเก็งกําไรระยะสั้น โดยหากราคาทองคําลงมาทดสอบบริเวณแนวรับ 1,224-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังยืนเหนือได้อาจเห็นการดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน
ทั้งนี้ ประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,238-1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นโซนขายทํากําไร แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่ไม่อยากรับความเสี่ยงมากนักให้ชะลอการสะสมทองคําและไม่ควรถือสถานะจํานวนมาก
>> เช็คราคาทอง
บทวิเคราะห์ราคาทอง เช้า 17/09/61
ราคาทอง วันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 7.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากการเปิดเผย ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐบางรายการที่แข็งแกร่งเกินคาด อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 100.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดเช่นกัน ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยได้รับแรงหนุนเพิ่มจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากแหล่งข่าวจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอนัลระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศเรียกเก็บภาษีนําเข้าจากจีนล็อตใหม่วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ในวันจันทร์นี้ แม้ว่านายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐเตรียมที่จะเปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่กับเจ้าหน้าที่จากจีนก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้เกิดแรงขายในตลาดทองคําจนส่งผลให้ราคาร่วงลงมาแตะระดับตํ่าสุดบริเวณ 1,192.44 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายของวันศุกร์ สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) รวมไปถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด
>> เช็คราคาทอง
บทวิเคราะห์ราคาทอง เช้า 06/08/61
ราคาทอง วันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ในระหว่างวันร่วงลงจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจีนประกาศในวันศุกร์ว่าจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านําเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษีในช่วง 5-25%
ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวหนุนดัชนี ดอลลาร์ให้แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ และหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อเทียบกับหยวนซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคํา ให้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือนบริเวณ 1,204.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ก่อนที่ราคาทองคําจะดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,220.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเวลาต่อมา โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่าลง
หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจําเดือนก.ค. ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดเพียง 157,000 ตําแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% และค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.3% ตามคาด ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคําลงในวันศุกร์ -2.06 ตัน สําหรับวันนี้ ไม่มีกําหนดการเปิ ดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
>> เช็คราคาทอง
บทวิเคราะห์ราคาทอง เช้า 25/06/61
ราคาทอง วันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้ รับแรงหนุนจากการอ่อน ค่าของดอลลาร์หลังการเปิดเผยดัชนี ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)
รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐในเดือนมิ.ย. อ่อนตัวลงสู่ระดับ 56.0 ซึ่งเป็ นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ประกอบกับสกุลเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นหลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)
รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของยูโรโซนซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนกิจกรรมในภาคธุรกิจของยูโรโซนฟื้นตัวขึ้นในเดือนมิ.ย.หลังจากชะลอตัวมาหลายเดือน แต่กระนั้นการฟื้นตัวของราคาทองคํายังคงเป็นไปอย่างจํากัดซึ่งสะท้อนแรงซื้อในตลาดทองคําที่ยังไม่มากนัก
อีกทั้งราคาทองคํา ยังได้ รับแรงกดดันเพิ่มจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดดีดขึ้น 119.19 จุด นําโดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่พุ่งขึ้นตามราคาน้ำมัน ภายหลังจากที่โอเปกมีมติเพิ่มกําลังการผลิตในการประชุมครั้งล่าสุดแต่ไม่ระบุปริมาณชัดเจน ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยงสกัดช่วงบวกของราคาทองคําที่อยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัยเอาไว้
สําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค.และติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการทําสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า
>> เช็คราคาทอง
บทวิเคราะห์ราคาทองภาคบ่าย 14/05/61
ราคาทองคำช่วงเช้าทรงตัว เมื่อราคาปรับตัวขึ้นยังเห็นแรงขายสลับออกมา หลังจากผู้นำชาติยุโรปได้ย้ำว่าจะต่อสู้เพื่อรักษาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งต้องจับตาการพูดคุยระหว่างอิหร่านและชาติยุโรปที่อยู่ในข้อตกลงนิวเคลียร์ต่อเนื่องในสัปดาห์นี้
ขณะที่เกาหลีเหนือจะจัดทำลายทดสอบนิวเคลียร์วันที่ 23-25 พ.ค. โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า จะอนุญาตให้ภาคเอกชนของสหรัฐเข้าไปลงทุนในเกาหลีเหนือหากยกเลิกโครงการอาวุนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์แบบนอกจากนี้การเจรจาด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีขึ้นอีกครั้งในวันอังคารนี้ ประเด็นความตึงเครียดต่างๆที่ผ่อนคลายลง
ส่งผลให้ราคาทองคำถูกขายทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นด้านราคาทองคำในประเทศวันนี้ถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในระยะสั้น หลังอ่อนค่าเร็วในช่วงก่อนหน้า
ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาซื้อสุธิในตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในรอบ 15 วันทำการ ช่วยชะลอการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ซึ่งนักลงทุนทองคำในประเทศควรพิจารณาการแกว่งตัวที่ค่อนข้างมากของค่าเงินบาทประกอบการลงทุน สำหรับวันนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขที่สำคัญทางเศรษฐกิจ
ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า หากการอ่อนตัวลงของราคาทองคำยังสามารถรักษาระดับเหนือบริเวณแนวรับ 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อาจจะเห็นการดีดตัวกลับขึ้นไปบริเวณแนวต้าน 1,331-1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะทำให้ราคายังคงอ่อนตัวลง โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนโดยเน้นลงทุนระยะสั้น หากรับความเสี่ยงได้น้อยอาจขายทองคำออกมาเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปบริเวณ 1,331-1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอจังหวะเข้าซื้อคืนเมื่อราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,316 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดโซนดังกล่าวอาจถอยจุดเข้าซื้อไปยังโซนแนวรับถัดไปที่ 1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์
>> เช็คราคาทอง